Daisypath Wedding Ticker

Sunday, May 31, 2009

พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย กรุงเทพฯ , Bangkok Sea Shell Museum

“พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ”


ตั้งอยู่ที่ 1043 ซอยสีลม 23 บางรัก กรุงเทพฯ 10500

อยู่บริเวณหัวมุมถนนสีลม ซอย 23 เยื้องสี่แยกโรงพยาบาลเลิดสิน

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลา 10.00-21.00 น.


ค่าเข้าชม ชาวไทย 100 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท

สอบถามรายละเอียดโทร.0-2234-0291

การเดินทาง มีรถประจำทางสาย 1, 15 และ 77 ผ่าน และสามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีสุรศักดิ์ หรือสถานีสะพานตากสิน หรือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาขึ้นที่ท่าสะพานตากสิน แล้วเดินมายังซอยสีลม 23 ได้เช่นกัน



ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงเปลือกหอยเพื่อการเรียนรู้จากทุกมุมโลก ถือกำเนิดจากการร่วมมือร่วมใจของสองครอบครัว คือครอบครัวคุณจอม นักศึกษา และสะสมเปลือกหอย สุดยอดแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอยสองสมัย กับครอบครัวคุณอรพิน ศิริรัตน์ ผู้มีใจรักในความงดงามของเปลือกหอย และอัญมณี มาแต่เยาว์วัย เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเปลือกหอยของเยาวชนผู้สนใจในเมืองหลวง และสีสันการท่องเที่ยวแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ณ ใจกลางเมืองหลวงจึงถือกำเนิดขึ้นผ่านระยะเวลาการเตรียมการนานกว่า 3 ปี



Thursday, May 14, 2009

เกาะโลซิน Losin island , Pattanee , ปัตตานี


เกาะโลซิน เป็นเกาะหินปูน อยู่ในทะเลอ่าวไทย ห่างจากหาดสุกรีในเขตอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ประมาณ 72 กิโลเมตร เป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์ มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิด เป็นที่นิยมของนักดำน้ำ และ นักตกปลา[1] และเป็นที่ตั้งของประภาคาร ที่มีไฟสัญญาณเตือน อยู่บนยอดประภาคาร และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร


เกาะเล็ก ๆ ที่อาจพูดได้ว่าเป็นแค่กองหินกลางทะเลเวิ้งว้างในอ่าวไทย โผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 100 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วน ๆ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ห่างจาก ชายฝั่งอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ไปทางทิศตะวันออกเป็นระยะทาง 106 กิโลเมตรโลซิน...คือเกาะแห่งนี้ อยู่บนจุดตัดระหว่างเส้นรุ้งที่ 7 องศา 19 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 องศา 59 ลิปดาตะวันออก หากแล่นเรือออกไป เกาะโลซินมองเผิน ๆ เหมือนกับสิ่งแปลกปลอมที่ผุดเหนือน้ำอันเวิ้งว้าง ไม่มีมนุษย์อาศัย และมีเพียงประภาคารคอยส่องไฟนำทางสีขาว

สำหรับชาวประมงและเรือทะเลยามค่ำคืนเท่านั้น เกาะโลซินแห่งนี้อาจไม่เคยเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ยกเว้นชาวเรือ ชาวประมงที่อาศัยโลซินเป็นแหล่งหาปลาหรือเป็นหมายสำหรับการเดินทาง ต่อมาโลซินเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น และได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักดำน้ำ ที่รักหลงใหลในโลกใต้ทะเลเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าหินระเกะระกะที่รวมตัวกันผุดเป็นเกาะขึ้นมาแห่งนี้ เบื้องหลังกลับเป็นตำนานของโครงการมูลค่ามหาศาลหลายแสนล้าน หรืออาจเรียกได้ว่า เกาะโลซินเป็นเกาะที่มีมูลค่าเท่ากับโคตรเพชรเลยก็ได้ เพราะหากไม่มีเกาะโลซิน



วันนี้เราก็คงไม่มีสิทธิ์บนพื้นที่สัมปทานก๊าซกลางอ่าวไทย พื้นที่ครอบคลุมมากกว่า 7,000 ตารางกิโลเมตร และมีแหล่งสำรองก๊าซให้ประเทศถึง 5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือเท่ากับ 50% ของแหล่งก๊าซที่มีอยู่ของไทยทั้งหมด ใช่แล้ว..เกาะโลซินมีความเกี่ยวพัน กับโครงการขุดเจาะก๊าซกลางอ่าวไทยที่เรียกว่า พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียอย่างแนบแน่น ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของเกาะโลซิน ต้องเริ่มตั้งแต่ไทย-มาเลเซียโต้เถียงกันถึงเรื่องสิทธิเหนือน่านน้ำ โดยเริ่มตั้งโต๊ะโต้เถียงกันอย่างจริงจังในปี 2515 ครั้งนั้นได้มีการใช้หลักการแบ่งสันพื้นที่กลางทะเล ด้วยวิธีลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของแผ่นดินแต่ละฝ่ายขึ้นไป หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีป และปรากฏว่าเส้นตั้งฉากของมาเลเซียทับซ้อนพื้นที่สัมปทานทั้งหม ดของแหล่งก๊าซธรรมชาติมูลค่ากว่าแสนล้านบาทนี้ ดูเหมือนกับว่าไทยจะไม่สามารถใช้สิทธิโต้แย้งได้มากนัก เพราะลักษณะแผ่นดินของมาเลเซียงุ้มเข้ามาในอ่าวไทย


ขณะที่แผ่นดินของไทยกลับเทลาดออกไป แหล่งสัมปทานแห่งนี้ ห่างจากจังหวัดสงขลา 260 กิโลเมตร ขณะที่ห่างจากเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ของมาเลเซียประมาณ 150 กิโลเมตร แต่เดชะบุญที่คณะเจรจาครั้งนั้นไปพบเกาะหินกลางทะเลสุดเวิ้งว้าง..นั่นคือเกาะโลซิน เราจึงได้ใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1958 หรือราว ๆ พ.ศ. 2501 ที่ให้ความหมายคำว่าเกาะคือ แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ เมื่อเกาะโลซินคือแผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบของไทย จึงสามารถประกาศสิทธิเขตเศรษฐกิจจำเพาะจากแนวน้ำลดบริเวณชายฝั่งออกไปได้ 200 ไมล์ทะเล และพื้นที่ซึ่งประกาศออกไปนี้ก็ครอบคลุมแหล่งก๊าซมหาศาลนี้ด้วย!!


ผลของการค้นพบเกาะโลซินจึงทำให้ทั้งไทยและมาเลเซียหันมานั่งโต๊ะเจรจากัน และสุดท้ายก็ตกลงจะนำพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว มาร่วมกันพัฒนา ภายใต้โครงการพื้นที่ พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือเรียกชื่อย่อว่า เจดีเอ โดยรัฐบาลสมัยนั้นนำโดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ไปลงนามร่วมกันบริหารจัดการพื้นที่อย่างเท่าเทียม โดยแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง และจนกระทั่งมาถึงการพัฒนา กลายเป็นโครงการสำรวจสัมปทานกลางทะเล โครงการสร้างท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซในปัจจุบัน

ขอบคุณที่มา :http://chaleampong.multiply.com

Saturday, May 2, 2009

Map Lipe


หาดที่หลีเป๊ะ แบ่งเป็น 3 หาด



1. Sunlight Beach - แน่นอนว่าอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยสุดในเกาะแห่งนี้ มีที่พักเช่น อันดามันรีสอร์ท


เม้าเท่นรีสอร์ท


เอเซียรีสอร์ท


ตะรุเตา คาบาน่า


Forra Bamboo Resort


Coco Bungalows


Happy Bungalows


Ossin Resort ,



Viewpoint Bungalows



2. Sunset Beach - มีที่พักน้อย แต่สงบมากๆ
รีสอร์ทก็จะมี พรรีสอร์ท กับ Fisheries Department
3. Pattaya Beach - หาดนี้ได้รับการขนานนามว่า "พัทยา 2" เนื่องจากคึกคักเหมือนพัทยา แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้เสียงดังอะไร มีทรายที่ละเอียดและนุ่มเท้ามากๆ หลายคนเปรียบว่าละเอียดกับ "คอฟฟี่เมต" ยังไงยังงั้น มีรีสอร์ทเยอะที่สุดของเกาะ เช่น
วารินทร์รีสอร์ท
หลีเป๊ะรีสอร์ท
พัทยา 2 รีสอร์ท
บันดายารีสอร์ท
Idyllic Concept Resort

Friday, May 1, 2009

Lipe Island


Lipe Island is a small island of Koh Adang - Rawi. (Koh means ' island in Thai) It is part of Tarutao National Marine Park, located on the south of the Andaman Sea. It is approximately 60 kms from Satun seashore and can be reached by taking a ferry from Pakbara Pier, 45 kms from Tarutao Island and 400 meters from Koh Adang. Lipe Island is described as a flat, oval land and is similar to the shape of a " Boommerang " ". In the surrounding areas, there are both shallow and deep coral reefs. The seawater is emerald-blue and crystal clear and there are numerous types of exotic marine wildlife. Because of the beauty of the sea, it is often called the" Maldives of Thailand "

Thursday, April 30, 2009

การเดินทางไปหลีเป๊ะ

การเดินทางไปหลีเป๊ะ เกาะสวาท หาดสวรรค์ นั้น คงต้องไปเริ่มที่ท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล หรือไม่ก็ท่าเรือใหม่ ท่าเรือตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งแล้วแต่ความสะดวก


ถ้าจะเดินทางไปปากบาราจากกรุงเทพนะครับ คงมี 2 วิธี(ไม่รวมรถไฟนะ)


- โดยรถทัวร์ ขึ้นจากสายใต้ใหม่ มี


บ. ทรัพย์ไพศาล ประมาณ 18.30 น แล้วไปลงที่ อำเภอ ละงู เขาจะปล่อยเราลงตรง 3 แยก ไป จ.สตูล ใกล้ ๆ จะเป็น ธ.กรุงเทพสาขาละงู(แก้ไขจากเดิมที่เป็นสาขาสตูล) ไม่ต้องไปทางนั้นนะครับ ให้เดินตรงไป หรือ จะรอรถสองแถว ตรงนั้นก็ได้แต่ท่าทางจะนานนะครับ (จะไปถึงที่นั่นประมาณ 6 โมงเช้า)

ผมอาศัย เดินไป ถามไป เรื่อย ๆ ครับ ถ้าเดินไป จะผ่าน สถานีตำรวจ แล้ว ก็ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาที จะเห็นร้าน โรตี อร่อย คนเยอะ จะเป็นที่จอดรถสองแถวไปท่าเรือปากบารา จากตรงนี้ไปท่าเรือประมาณ 10 กม. นะครับ อย่าพยายามคิดจะเดินไปเอง 555+


ข้อแนะนำ การเดินทางไป สายใต้ ต้องเผื่อเวลา ไว้มาก ๆ ๆ นะครับ เพราะผมเกือบตกรถ มาแล้ว เพราะรถติดมาก ๆ ๆ ๆ ในช่วงเย็น


-โดยเครื่องบิน ก็จะมีของ แอร์เอเชีย + นกแอร์ เที่ยวบินเช้าสุด เดินทางไปลงที่ หาดใหญ่
แล้วหาทางไปขึ้นรถตู้ บริเวณสถานีรถไฟ ซึ่งรถตู้ จะเดินทางจาก ที่นี่ไปที่ท่าเรือปากบารา ใช้เวลา ประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมง
เรือจากปากบาราไปหลีเป๊ะ มีกลายเจ้า ทั้ง speedboat และเฟอรี่ธรรมดา ซื้อได้ที่ท่าเรือเลย ส่วนเจ้าไหนแวะเกาะไข่ ผมไม่แน่ใจ
ของอาดังซี แวะครับมาเพิ่มตารางเดินเรือและราคาตั๋วไปหลีเป๊ะ
Adang Seatours
Departure Pak Barra 13.00 Arrival Koh Lipe 16.00
Departure Koh Lipe 10.00 Arrival Pak Barra 13.00
Price One Way 550 Baht
Forra Travel
Departure Pak Barra 11.00 Arrival Koh Lipe 12.30
Departure Koh Lipe 9.00 Arrival Pak Barra 10.30
Price One Way 650 Baht
Tigerline Travel
Departure Pak Barra 12.00 Arrival Koh Lipe 14.00
Departure Koh Lipe 9.00 Arrival Pak Barra 11.00
Price One Way 650 Baht
Ferry:
Satun < > Koh Lipe Southern Ferry Departure Satun 10.30 Arrival Koh Lipe 12.30
Departure Koh Lipe 13.30 Arrival Satun 15.30
Price One Way 550 Baht
Ferry: Trang < > Koh Lipe Runs only on Friday, Saturday, Sunday and Monday Tigerline Travel
Departure Trang 12.30 Arrival Koh Lipe 15.00
Departure Koh Lipe 9.00 Arrival Trang 11.30
Price One Way 850 Baht
Ferry: Langkawi < > Koh Lipe Runs only on Friday, Saturday and Sunday Tigerline Travel
Departure Langkawi 15.00 Arrival Koh Lipe 16.00
Departure Koh Lipe 9.00 Arrival Langkawi 10.00
Price One Way 1000 Baht
Ferry: Koh Lanta < > Koh Lipe Runs on even days from lipe (2, 4, 6, 8, ...) and on uneven days from Koh Lanta (1, 3, 5, 7, ...) Stops in Koh Lanta, Koh Ngai, Koh Muk and Koh Bulon.
Departure Koh Lanta 13.00 Arrival Koh Lipe 15.30 Departure Koh Lipe 9.30 Arrival Koh Lanta 12.00
Price One Way 1700 Baht

Saturday, April 18, 2009

การไหว้พระธาตุประจำวันเกิด

การไหว้พระธาตุถือเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะการบูชาพระธาตุ อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญมาสู่ผู้ที่บูชา รวมทั้งอานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการกราบไหว้บูชา ยิ่งหากใครบูชาด้วยจิตใจศรัทธาอันบริสุทธิ์ และหมั่นกราบไหว้เมื่อมีโอกาส อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุ จะดลบันดาลให้เกิดสิริมงคลในชีวิตแก่ตัวผู้บูชา โดยเฉพาะที่จ.นครพนม จัดเป็นเมืองแห่งพระธาตุ เพราะแทบทุกอำเภอจะมีวัดที่ประดิษฐานพระธาตุอยู่มากมาย อีกทั้งแต่ละพระธาตุ ยังมีความเชื่อกันว่าเป็นพระธาตุประจำวันเกิด ซึ่งมีครบทั้ง 7 วัน

1. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม


พระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ และมีพระธาตุบริวารอยู่รายรอบรวม 7 องค์ การไหว้พระธาตุถือเป็นหนึ่งในร้อยแปดมงคลชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือนการได้ไหว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ โดยเฉพาะองค์พระธาตุพนม ที่ได้บรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างราว พ.ศ. 1200-1400
ลักษณะของสถาปัตยกรรมมีแหล่งที่มาที่เดียวกันกับปราสาทของขอม ได้มีการบูรณะอยู่หลายครั้ง เคยทรุดลงทั้งองค์ เมื่อ พ.ศ. 2518 และได้รับการบูรณะใหม่ตามแบบเดิม เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม สูง 53.60 เมตร ตั้งอยู่บนฐานรูปสี่เหลียม กว้างด้านละ 12.33 เมตร บนยอดพระธาตุเป็นฉัตรทองคำมีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีวอก เชื่อกันว่าผู้ที่ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์มีบุญบารมี และมีคนให้ความเคารพนับถือ
เครื่องสักการะ : ธูป 6 ดอก, เทียน 2 เล่ม,พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีแดง, น้ำอบไทย,ข้าวเหนียว ปิ้ง, ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ

2. วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร

เป็นพระธาตุคู่เมืองของชาวเรณูนคร องค์พระธาตุมีลักษณะสวยงาม จำลองมาจากพระธาตุพนม (องค์เดิม) แต่มีขนาดเล็กกว่า สูง 35 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 8.37 เมตร ภายในบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ของมีค่าต่างๆ และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ เชื่อกันว่าผ้ะที่ได้นมัสการจะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์ พร้อมชมสินค้า OTOP ผ้าพื้นเมือง และอุ (เหล้าหมัก)
เครื่องสักการะ : ธูป 15 ดอก, เทียนขาว 2 เล่ม,พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีเหลือง, น้ำอบไทย, ข้าวเหนียวปิ้ง, ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา

3. พระธาตุศรีคุณ อ.นาแก

อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 64 กิโลกเมตร ถูกค้นพบเมื่อประมาณปีพ.ศ.2340 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปีพ.ศ.2486-2490 มีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันที่ชั้น 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้น และชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุดพระอรหันตสารีริกธาตุของพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสังกัจจายนะ และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคาร เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ ให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ
เครื่องสักการะ : ธูป 8 ดอก, เทียน 2 เล่ม,พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีชมพู, น้ำอบไทย, ข้าวเหนียวปิ้ง, ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง

4. พระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก

พระธาตุมหาชัย สร้างเมื่อปีพ.ศ.2495 มีลักษณะองค์พระธาตุเป็นรูปแปดเหลี่ยมสูง 40 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตสารีริกธาตุของพระอัญญาโกณฑัญญะ พระสารีบุตร และพระอนุรุทร บริเวณใกล้เคียงยังมีพระพุทธรูปสลักจากไม้ต้นสะเดาหวานใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และภาพเขียนฝาผนังอุโบสถแสดงพุทธประวัติ มีลวดลายศิลปะที่งดงามหาดูได้ยากยิ่งในภาคอีสานและเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการ จะได้รับอานิสงส์ประสบแต่ชัยชนะในชีวิต
เครื่องสักการะ : ธูป 17 ดอก, เทียนขาว 2เล่ม, พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีเขียว, น้ำอบไทย,ข้าวเหนียว ปิ้ง, ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท

5. วัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า

เดิมเป็นเจดีย์โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเมื่อใด จนกระทั่งเมื่อปีพ.ศ.2436 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ โดยจำลองรูปทรงมาจากพระธาตุพนม ลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยม วัดโดยรอบฐานด้ 20.80 เมตร สูง 28.52 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตสารีริกธาตุรวม 7 องค์ พระพุทธรูปเก่าแก่ ดินจากสังเวชนียสถานในประเทศอินเดีย 4 แห่ง และพระพุทธบาทจำลองที่อัญเชิญมาจากกรุงเทพฯ เมื่อปีพ.ศ.2500 และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนวันพฤหัสบดี เชื่อว่าผู้ได้นมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้สัมฤทธิผลในการปฏิบัติงาน
เครื่องสักการะ : ธูป 19 ดอก, เทียน 2 เล่ม,พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีส้ม, น้ำอบไทย, ข้าวเหนียวปิ้ง,ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ

6. วัดพระธาตุอุเทน อ.ท่าอุเทน

เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยม จำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็ก มีความสูงจากพื้นดินถึงยอด 33 วา ฐานกว้างด้านละ 6 วา 3 ศอก ภายในบรรจุพระพุทธสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองเมียนมาร์ ประเทศพม่า และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันศุกร์ เชื่อกันว่า ผู้ที่มานมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ
เครื่องสักการะ : ธูป 21 ดอก, เทียน 2 เล่ม,พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีฟ้า, น้ำอบไทย, ข้าวเหนียวปิ้ง,ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : วา โธ โน อะ มะ มะ วา

7. วัดมหาธาตุ อ.เมือง

พระธาตุนคร มีลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 5.85 เมตร สูง 24 เมตร ก่อสร้างเสร็จในวันเดือนเพ็ญของปีพ.ศ.2465 มีรูปแบบตามพระธาตุพนมองค์เดิม ภายในบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ จากประชาชนผู้มีจิตศรัทธาถวายบรรจุเอาไว้ในองค์พระธาตุ และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์ เชื่อกันว่าผู้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์เสริมบุญบารมีและมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน
เครื่องสักการะ : ธูป 10 ดอก, เทียน 2 เล่ม,พวงมาลัย, ดอกไม้, ผ้าสีม่วง, น้ำอบไทย, ข้าวเหนียวปิ้ง, ข้าวพอง
คาถาประจำวันเกิด : โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ




http://www.9wat.net/birthday.htm

Friday, April 17, 2009

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร


คติ “เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล”

เครื่องสักการะ ธูป 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 3 ดอก


ประวัติ/ความเป็นมา

วัดสระเกศราชวรมหาวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดสำคัญคู่มากับการสร้างกรุงเทพมหานคร เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสระแรัชกาลที่ 1 ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่โปรดให้ขุดคลองรอบพระอารามและพรราชทานนามว่า วัดสระเกศ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอารามและสร้างสิ่งต่างๆ เพิ่มเติม เช่น พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง สิ่งสำคัญภายในวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้แก่ พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง ซึ่งสร้างเป็นพระปรางค์ในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่เกิดทรุดทังลง รัชกาลที่ 4 โปรดให้ซ่อมแซม โดยแปลงเป็นภูเขาและก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างแล้วเสร็จในสมับรัชกาบที่ 5 นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถที่ภายในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝีมือช่าง สมัยรัชกาลที่ 3 และหอไตร ศิลปะสมัยอยุธยาบานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ


การเดินทางไปยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร


สถานที่ตั้ง
ปากคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย


ขอบคุณที่มาของภาพด้วย http://www.rpst-digital.org

เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ - Scrubb สครับบ์