Daisypath Wedding Ticker

Wednesday, January 21, 2009

เกาะล้าน พัทยา

เกาะล้าน หรือที่รู้จักกันในนามเกาะปะการังนั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก เหตุที่เรียกเกาะล้านว่าเกาะปะการังนั้นเนื่องจากใต้ทะเลของบริเวณเกาะดังกล่าวเต็มไปด้วยปะการังที่สวยงามและหลายชนิดและประกอบไปด้วยหมู่เกาะเล็ก ๆ ซึ่งรวมถึง เกาะครก และเกาะสาก เกาะล้าน เป็นเกาะที่เหมาะสำหรับการดำน้ำดูปะการัง (สน็อร์กเกิล) และหาดทรายสีขาว ทะเลสีน้ำเงินเข้มไปถึงสีเขียวน้ำทะเล ที่ทำให้นึกถึงทะเลอันดามันเกาะล้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากพัทยาและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เกาะล้าน ห่างจากพัทยาเพียง 7.5 กิโลเมตร มีรูปร่างลักษณะห้าเหลี่ยม มีความยาวประมาณ4.65 กิโลเมตร และส่วนที่กว้างที่สุดนั้นมีขนาด2.15 กิโลเมตร เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และป่าไม้นานาชนิดเนื่องจาก 90% ของเกาะเป็นภูเขา เกาะล้านนั้นมีสถานที่ี่ท่องเที่ยวหลายแห่งรวมถึงชายหาดที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเพลิดเพลินและเดินทางไปสำรวจ เกาะล้านจะข้ามมาเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับ ข้ามมาเล่นน้ำช่วงกลางวันก่อนกลับไปพักค้างที่พัทยา หรือจะค้้าง แรมที่เกาะกันก็สะดวกสบายดี
ชายหาดต่างๆของเกาะล้าน
หาดตาแหวนเป็นหาดยอดนิยมสุดฮิตที่สุดบนเกาะล้านอยู่ทางเหนือสุดของเกาะล้าน ชายหาดยาวถึง 750 เมตรที่ทอดตัวไปกับชายฝั่งพร้อมกับทรายสีขาวแวววาวที่ตัดกันกับน้ำสีฟ้าใส ชายหาดนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว นอกจากจะเพลินเพลินไปกับการว่ายไปในน้ำสีฟ้าใสยังสามารถเพลินเพลินไปกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น บานาน่าโบ๊ท และเจ็ทสกี
หาดเทียน
หาดเทียนนั้นทอดตัวยาว 500 เมตรไปทางตะวันตกของเกาะล้าน เป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวยุโรปหาดเทียนนี้มีกีฬาทางน้ำหลายชนิดเช่น เจ็ทสกี บานาน่าโบ๊ท แต่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยในการเล่นดังกล่าวเท่าหาดตาแหวน หาดเทียนนี้เงียบสงบ และเต็มไปด้วยครอบครัวที่มาพักผ่อน โดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่ผ่อนคลายต่าง ๆ เช่น ว่ายน้ำ กระดานโต้คลื่น อาบแดด และนวดแผนโบราณสำหรับการค้างคืนที่ี่หาดเทียนนั้น มีการให้บริการทั้งให้เช่าบังกาโล และเต็นท์ หากคุณมองหาที่พักที่สะดวกสบายแล้วละก็หาดแสมนั้น เหมาะมากกว่า

หาดแสม
หาดแสมมีชายหาดที่ยาวถึง 300 เมตรได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรป เนื่องจากมีจุดชมวิวเขานมซึ่งคุณสามารถชมพระอาทิตย์ตก และเมืองพัทยา มืองพัทยา



หาดนวล
หาดนวลตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะล้าน มีชาดหาดส่วนตัวที่ยาวถึง 250 เมตร มีโรงแรมให้บริการตลอดชายหาด

หาดตายายเป็นหาดเล็ก ๆ ที่นักท่องเที่ยวที่เลี่ยงจากหาดที่คนเยอะมาพักผ่อนกัน


หาดทองหลาง
อยู่ใกล้กับหาดตาแหวน เป็นชายหาดขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ สถานที่ที่ควรไปสำหรับผู้ที่แสวงหาความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศในในการพักผ่อน คุณยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการสน็อร์กเกิลได้หลายทางการดำนำดูปะการังน้ำตื้นนั้นมีการให้บริการเรือดำน้ำกระจกด้วย ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบปะการังสามารถเพลิดเพลินไปกับการดูปะการังูใต้น้ำได้อีกหนทางหนึ่ง ค่าบริการอยู่ที่ 1,500 บาทต่อหนึ่งท่าน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการสน็อร์กเกิลนั้นมีเรือีดำน้ำกระจกให้บริการอยูู่่ที่หาดทองหลาง ที่จะพาท่านไปชมปะการังโดยที่ตัวท่านไม่เปียกน้ำ

หาดสังวาล
หาดสังวาลเป็นหาดเล็ก ๆ มีความยาวประมาณ 150 เมตร อยู่ติดกัยหาดตาแหวง หาดสังวาลนี้มีความงดงามไม่แพ้หาดตาแหวงและมีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ

Khao Yai National Park, Nakhon Rachasima , THAILAND,


Khao Yai National Park has 2,168 square kilometers full of mountain ranges, forests, grassland and brackens. Therefore, Khao Yai is source of Lumtakong River and Nakorn Nayok River and there are lots of kinds of animals living here such as elephants, monkeys, deers, porcupines, butterflies, bugs and birds. A biggest bird of this national park is hornbill that can find on August and September. Tourist can see a wild animals' exhibition at Tourist Information Center also for more details about animals that are living here.

Khao Yai National Park has 2,168 square kilometers full of mountain ranges, forests, grassland and brackens. Therefore, Khao Yai is source of Lumtakong River and Nakorn Nayok River and there are lots of kinds of animals living here such as elephants, monkeys, deers, porcupines, butterflies, bugs and birds. A biggest bird of this national park is hornbill that can find on August and September. Tourist can see a wild animals' exhibition at Tourist Information Center also for more details about animals that are living here.


This National Park has waterfalls more than 20 places around such as Heaw Suwat Waterfall, Heaw Sai Waterfall, Heaw Pratun Waterfall, Kongkaew Waterfall and Heaw Narok Waterfall. In addition, this National Park has camps and activities for tourist who loves adventures to choose, likes learning nature by walking in the forest. Tourist can ask for more information from local rangers or National Park Section, Royal Forest Department.


Khao Yai National Park is far about 200 kilometers from Bangkok or far about 115 kilometers from Nakorn Rachasima by turning to Thanaratch (ta-na-rad : ธนะรัชต์) Road from Mitraparb (mid-tra-parb : มิตรภาพ) Road and drive for 40 kilometers to National Park Center. Tourist who comes from Bangkok by bus can get off at Pak Chong (parg-chorng : ปากช่อง) District and hire a car to Khao Yai.

Wednesday, January 14, 2009

Lamphun, North, Thailand

Lunphun, formerly Hariphunchai, is another historical sites. The town was founded in the year 1663 and the first ruler was a Queen called Chammathewi.
This charming province is also noted for its beautiful women and tasty longans.With an area of 4,506 sq.kms., the province has 7 Amphoes namely : Muang, Pa Sang, Ban Hong, Mae Tha, Li, Thung Hua Chang, and Ban Thi. The town is about 670 kilometers from Bangkok by car.
Lamphun Attractions:
Wat Phrathat Hariphunchai
This monastery is in the township area, built in the reign of King Athittayarat and has been repaired, renewed, and enlarged from time to time. Phrathat Hariphunchai Pagoda is currently 46 meters high having nine - tiered umbrella, made of gold weighing approximately 6,498.75 grams, placing on the top. The base is of square shape with 20 meters in length on each side. On every full moon day of the sixth lunar month, there is a celebration of this Wat Phrathat in term of the annual fair.
Hariphunchai National Museum
which houses numerous Lanna antiques found in the region. The museum is open to public everyday except Monday, Tuesday and official holidays from 09.00 - 16.00. Admission fee is 10 baht.


Ku Kut Pagoda or Wat Chamma Thewi (Suwan Changkot Chedi)
This monastery was built around A.D. 755 by Khmer artisans. The pagoda structure is of the square Buddha Gaya characteristics as seen in India. Three standing Buddha is mages, in the attitudes of blessing are enshrined on each level of the pagoda base of each side totaling 15 images for one side of five levels, grand totaling 60 Buddha images around the pagodas. Relics of Queen Chammathewi, the first ruler of Hariphunchai, are housed inside the pagoda. The pagoda top was originally covered with gold but later, was broken and disappeared thus giving ris to the name "Ku Kut" or Pagoda without top. Other temples in the vicinity include Wat Mahawan, noted for sacred amulets, Wat Phra Yun or Wat Buddha Maha Sathan built by King Thammikarat about one thousand years ago. Along Highway to Chiang Mai is located the village of Nong Chang Khun which is noted for the biggest plantations of longans in the country.
Highway No. 106 (Along the Route to Pa Sang)
Amphoe Pa Sang is about 10 kilometers from Lamphun. It is noted as the centre for local handicrafts and also for its beautiful and charming women.

Tak Pha Buddha Footprints
The footprints are located on the top of a small hill in the area of Tambon Makok, Amphoe Pa Sang, 16 kms. from the township area. The legend says that Lord Buddha left his footprints during his visit to that locality for Lawa tribal people to pay their homages to in lieu of he himself. He also dried his suffron robe on the cliff where one, at present, can see a mark like a piece of suffron robe being dried there thus originating the name of Tak Pha Buddha Footprints or Drying Suffron Robe Buddha Footprints. Annual celebration takes place on the eight day of wanning moon of the sixth lunar month of every year when inhabitants of Lamphun and neighbouring provinces flock to the annual fair.

Amphoe Mae ThaDoi Khun Tan National Park
Doi Khun Tan is located on a mountain range bordering on both Lampang and Lamphun Provinces. There is a 1,362 meter long tunnel, regarded the longest in Thailand, for railroad underneath the mountain. There are accommodations, which belong to the Royal State Railway of Thailand, a missionary party, and the Royal Forestry Department, on top of Doi Khun Tan.
Amphe Li
Mae Ping National Park situated at km. 47 on Lamphun - Li - Thoen route, (Highway 106) the park covers a lake and a forest above Phumiphol Dam. Attractions in the area of the park are : Namtok Ko Luang, Tham Yang Wi, and Kaeng Ko, etc.

Langan Fair This fair, held in August every year, features a contest to judge the best fruit and select Miss Lamyai (Langan) for each year.

Sunday, January 11, 2009

กาดกองต้า,ลำปาง, ถนนคนเดินลำปาง, เที่ยวลำปาง, ป้าป๋อง ขนมจีน


กาดกองต้า ...... ตลาดโบราณ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะ วัฒนธรรม ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง
กาด........... คือ ตลาด เป็นภาษาท้องถิ่นล้านนา(คำเมือง)
กองต้า....... คือ ตรอกท่าน้ำ
กาดกองต้า ...... ก็คือ ตลาดบริเวณตรอกท่าน้ำ.....นั่นเอง


กาดกองต้า คือ ซอยตลาดจีนริมน้ำ ที่เก่าแก่ มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปีให้ชมมีของกินโบราณให้เลือกซื้อเยอะแยะครับ ผมนะชอบมากตั้งแต่เมื่อครั้งมาทำรายงานเรื่องอาคารฟองหลี และบ้านแม่แดง (ขอบอกว่าข้างในบ้านแต่ละหลังนะของเก่าเพียบ)



กาดกองต้า ...หรือ ตลาดจีน ที่ชาวบ้านเรียกติดปาก เป็นย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง บนถนนตลาดเก่าตลอดทั้งสาย จุดเริ่มต้นอยู่บริเวณ เชิงสะพานรัษฎาไล่ไปจนสุดปลายถนน


ย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 100 ปี (ราวสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ภาพความคึกคักจอแจ ขวักไขว่ เต็มไปด้วยผู้คน จะมีอยู่ตลอดย่านนี้ด้วยเพราะในยามนั้น กาดกองต้า เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของ เมืองลำปาง และของภาคเหนือ


เมืองลำปางในอดีต เป็นหัวเมืองสำคัญของอาณาจักรล้านนา แม้ไม่ได้เป็นศูนย์กลางอาณาจักรอย่างเมืองเชียงใหม่ แต่โดดเด่นเป็นเมืองท่าค้าขาย ในยุคที่การเดินทางทางบกยังมีความยากลำบาก ด้วยอุปสรรคทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยป่าเขา ถนนหนทางก็ยังไม่มีมากมายสะดวกสบายดังเช่นในวันนี้ การคมนาคมจึงต้องใช้ทางน้ำเป็นสำคัญ ทั้งการเดินทางไปมาหาสู่ และทำมามาค้าขาย



การลำเลียงสินค้าเส้นทางเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการนำสินค้าจากเหนือลงไป "เมืองใต้" ซึ่งหมายรวมถึงดินแดนที่อยู่ใต้ดินแดนล้านนาลงไปทั้งหมด และการขนถ่ายสินค้า ที่มาจากต่างประเทศผ่านท่าเรือเมืองบางกอก หรือสินค้าจากเมืองใต้ขึ้นมา ล้วนแต่ใช้การล่องเรือมาตามแม่น้ำสายหลัก ล่องเข้าลำน้ำวังสุดทางที่ เขลางค์นคร หรือ นครลำปาง ท่าน้ำใหญ่เชิงสะพานรัษ กาดกองต้า จึงรับบทบาทเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ซื้อขายแลกเปลี่ยน และกระจายสินค้าไปตามหัวเมืองต่างๆ โดยวิธีขนส่งทางบก ใช้รถต่าง ม้าต่าง หรืออืนๆต่อไป



กาดกองต้า....ศูนย์การค้าสำคัญ จึงคับคั่งไปด้วยพ่อค้าวานิชผู้มั่งคั่งหลายหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย พม่า จีน และฝรั่ง การผสมผสานทางวัฒนธรรมจึงเกิดขึ้น และที่แสดงออกเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนคือสถาปัตยกรรมนานาชาติ ที่แสดงผ่านบ้านเรือนสิ่งก่อสร้าง มีทั้งเรือนแบบไทยภาคกลาง เรือนล้านนา เรือนพม่า และที่สำคัญดูจะโดดเด่นเห็นจะเป็นเรือนแบบจีน และเรือนขนมปังขิงแบบฝรั่งตะวันตก ทั้งนี้อาจเพราะในสมัยนั้นประเพณีราชนิยมแบบตะวันตกกำลังได้รับความนิยมสูงสุดในภาคกลาง ชาวตะวันตกเข้ามามีความสัมพันธ์กับสยามมากมาย จะด้วยบทบาทใดก็ตาม แต่รูปแบบสถาปัตยกรรมงามแปลกตา ที่นำมาเผยแพร่ก็เป็นที่ถูกใจของชาวสยาม นำมาประยุกต์ใช้สร้างบ้านเรือนเป็นที่สวยงาม ระบาดไปเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งที่กาดกองต้า ก็มีเรือนฝรั่งผสมจีนแบบนี้อยู่หลายแห่ง


วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2459 รถไฟสายหนือ กรุงเทพฯ-ลำปาง ขบวนแรกเปิดให้บริการเป็นปฐมฤกษ์ และเป็นการเริ่มนับถอยหลังให้กับควารุ่งเรืองของ กาดกองต้า การเดินทางโดยรถไฟที่สะดวกสบาย และรวดเร็วกว่าเข้ามาช่วงชิงบทบาทแทนการคมนาคมทางน้ำ ศูนย์กลางการค้าก็เปลี่ยนไป กระจายออกไปตามจุดต่างๆ ในเมืองลำปางโดยศูนย์ขนถ่ายสินค้าเปลี่ยนจาก ท่าเรือมาเป็นสถานีรถไฟ (ช่วงนี้เองที่ รถม้าลำปางได้ถือกำเนิดขึ้น อำนวยความสะดวก รองรับขนถ่ายทั้งผู้คนและสินค้าจากสถานีรถไฟสู่ตัวเมือง)


กาดกองต้า....ได้ถูกลดบทบาทลงจนไม่เหลือภาพของความมั่งคั่ง จอแจดังในอดีต แต่สิ่งที่ยังดำรงค์อยู่คือ ชุมชนและวิถีของผู้คนที่วันนี้ได้ถูกเรียกขานว่าเป็น "ชุมชนย่านตลาดเก่า" รวมทั้งอาคารสิ่งก่อสร้างหลากวัฒนธรรม อันเป็นมรดกล้ำค่า เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ผู้โหยหาอดีตอันคลาสสิก การเดินชมกาดกองต้าในวันนี้ ต้องถือว่าเป็นรายการท่องเที่ยวเมืองลำปางที่ต้องไม่พลาดชม และมีบรรยากาศหลากหลายให้เลือกสัมผัส


ถ้าต้องการความสงบเย็นซึมซับบรรยากาศ ชื่นชมกับสถาปัตยกรรม
....... ต้องชมในวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์
ถ้าต้องการความคึกคักของผู้คน สนุกสนาน มีตลาดถนนคนเดิน
....... ต้องเดินในวัน เสาร์-อาทิตย์


สะพานรัษฎา สะพานเก่าอายุเกือบ 100 ปี ชาวลำปางสร้างขึ้นเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่ระลึกในงานราชพิธีรัชดาภิเษก รัชกาลที่ 5 และได้รับพระราชทานนามว่า สะพานรัษฎาภิเศก เดิมเป็นสะพานไม้ เมื่อชำรุดผุพัง จึงมีการก่อสร้างใหม่เมื่อ ปี พ.ศ. 2460 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก คงทนถาวร เป็นสัญลักษณ์ของ เมืองลำปางอีกแห่ง


การชมกาดกองต้าจะให้ครบถ้วน ต้องตั้งต้นตั้งแต่หัวถนน บริเวณเชิงสะพานรัษฏา มาเรื่อยๆ หิวหรือเหนื่อย ก็พักเติมพลังหย่อนใจได้ที่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ น่ารักริมทาง หรือต้องการสัมผัสเข้าถึงก็เลือกพักได้ ตาม Guest House หลากสไตล์ หลายระดับราคา ที่มีให้บริการอยู่หลายแห่ง จะเลือกเดินชม ปั่นจักรยาน หรือเที่ยวแบบเท่ห์ๆกับรถม้าลำปาง ล้วนแต่สามารถทำได้สบายๆ เลือกดูสักวิธี แล้วคุณจะมี .... ลำปางในดวงใจ .....






Saturday, January 10, 2009

Lampang, North, Thailand

Lampang, is situated on the right bank of Mae Nam Wang and lies 599 kilometers north of Bangkok at the junction of highways of Chiang Rai Chiang Mai, with an area of 12,543 sq.kms.It is administratively divided into 13 Amphoes : Muang, Chae Hom, Hang Chat, Ko Kha, Mae Mo, Mae Phrik, Mae Tha, Ngao, Soem Ngam, Sop Prap, Thoen, Wang Nua, and Muang Pan.Lampang lays claim to two unique features : it is the sole Thai town still using colourful horse drawn carriages as a means of everyday urban transport, and it claims to have the world's only training school for baby elephants. Both attractions account for the bulk of Lampang's Thai and foreign visitors.

Lampang, North, Thailand

Lampang, is situated on the right bank of Mae Nam Wang and lies 599 kilometers north of Bangkok at the junction of highways of Chiang Rai Chiang Mai, with an area of 12,543 sq.kms.It is administratively divided into 13 Amphoes : Muang, Chae Hom, Hang Chat, Ko Kha, Mae Mo, Mae Phrik, Mae Tha, Ngao, Soem Ngam, Sop Prap, Thoen, Wang Nua, and Muang Pan.Lampang lays claim to two unique features : it is the sole Thai town still using colourful horse drawn carriages as a means of everyday urban transport, and it claims to have the world's only training school for baby elephants. Both attractions account for the bulk of Lampang's Thai and foreign visitors.
Wat Phra Kaeo Don TaoOn the right bank of Mae Nam Wang is an old building which consists of an impressive chedi on a rectangular base with a round spire topped with gilded bronze plaques. A Burmese - style chapel topped by tiered roofs stands against it. The chapel contains a Burmese style Buddha image with particularly interesting decorations. The chapel probable dates from the late 18th century. Beautiful colours and elaborate harmony make Wat Phra Kaeo Don Tao one of Thailand's best examples of Burmese - style temples.
Wat Chedi Sao(Temple of Twenty Chedis) is also on the right bank of Mae Nam Wang, north of town. The temple is attractively set in an open ricefield. The complex is impressive with its Burmese - style bell - like spires.

Wat Phrathat Lampang Luang
Lies some 20 kilometers south of Lampang and is one of the North's finest temples. The chedi towers above surrounding trees. To the left of the chedi is a viharn with a carved wood fa?ade and double - level roofs. Harmonious proportions and exquisite interior decoration make Wat Phrathat Lampang Luang one of the best examples of Northern - style religious architecture.

Wat Phrathat Chom Ping is situated at Mu 5, Ban Chom Ping, Tambon Na Kaeo, Amphoe Ko Kha about 26 kms. south - west of Lampang provincial city. The unnatural happening of this temple is the shade of the pagoda reflexed on the floor of the convocation hall through the hole of its window, this similar event also happened at Wat Akkho Chai Khiri, Amphoe Chae Hom in Lampang.
The Elephant Conservation Centre is attached to the Veterinary Section of the Northern Timber Work Division of the Forestry Industry Organization and is the first centre in Thailand to train elephants for forest work.


The Center is located in Ban Tung Kiewn, Amphoe Hang Chat, on Lampang - Chiang Mai Highway 32 kms. from Lampang. At the center, the elephants's activities such as bathing, working, log pushing, etc. are held for show. In addition, the center has provided elephant riding tourist route.

Doi Khuntan National Park is located within Lampang and Lamphun, has an area of 225 squarekilometers and an altitude of 1,272 meters. Access to the park is possible by taking Lampang - Lamphun highway and branching off at Km. 47 for 18 kms., but the easiest way is by train to Khuntan station. The Doi Khuntan area was first explored early this century when German engineers were excavating Thailand's longest tunnel (some 1.3 kilometers) on the Bangkok - Chiang Mai railway line. The main trail climbs from Khuntan station to park headquarters and bungalows belonging to the State Railways, a missionary part and the Royal Forestry Department. Camping sites are also available ; campers must bring their own tents and the camping equipment.

Wat Sichum This monastery is situated on Lampang - Ngao Highway just passing the main entrance of Lampang Teacher's Training College and branching off at km. 601 on the left to this monastery. Its architecture is of Burmese arts having very sophisticated and beautiful wood carvings on the structure of the Vihara while gold gilded works are found on the walls, ceiling and big pillars in the Vihara, regarded as another exquisite graceful beauty of Burmese arts. Its is regrettable that the vihara's upper part which was made of wood was mostly damaged by fire. Only the carved - wood arch at the entrance has been left.


Kiu Lom Dam and Reservior It is located about 37 kms. from the township area on Lampang - Ngao Highway where a left turn is to be made at Km. 623 - 624 through another 14 kms. to the dam site. The dam is under the administration of the Royal Irrigation Department, open to the public everyday from 06.00 - 18.00 hrs. but no accommodation provided. Another mean is from the private sector whose bungalows and pleasant raft tour are available for visitors who wish to explore natural surrounding.

Chao Pho Pratu Pha Shrine This shrine is located 50 kms. from Lampang township area on the right hand side of Lampang - Ngao Highway. It is a big spirit shrine housing the statue of Chao Pho Pratu Pha (The spirit ruling the area of Pratu Pha) highly revered by Lampang inhabitants. The shrine was constructed in commemoration of a brave soldier who was the right hand man of a king of Lampang who was killed in a battle by the Burmese enemies at this Pratu Pha Pass.


Tham Pha Thai Forest Park Lies at kilometer 665 on the Lampang - Ngao Road and hosts a big Buddha image and colourful stalagmites.


Chae Son National Park covers areas in Amphoe Muang, Amphoe Chae Son, Amphoe Muang Phan. Travel along Lampang - Wag Nua Road, turn left at km. 58 - 59 and take another 17 kms. Attractive spots are Hot Water Well, Namtok Chae Son, and Namtok Mae Mon. For detailed information, please contact the National Park Division, Royal Forest Department, Tel. 579-0529, 579-4842.

Friday, January 9, 2009

วัดร่องขุ่น, เชียงราย

ตั้ง อยู่ในเขตตำบลคลองลานพัฒนา ตำบลคลองน้ำไหล ตำบลโป่งน้ำร้อน และตำบลสักงาม อยู่ห่างจากตัวจังหวัด ประมาณ 65 กม. ออกแบบและก่อสร้าง โดยอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อ พ.ศ. 2540 โดย บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และขยายออกเป็น 12 ไร่ อุโบสถ ประดับกระจกสีเงินแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก

Thursday, January 8, 2009

Doi Pha Tang (Chiang Rai)

Doi Pha Tang, about 160 kilometres from the provincial town, is a viewing point on top of a high cliff over the Thai-Laotian border affording a delightful scene for the river and the sea of mist throughout the year. During December-January, blooming Sakuras provide a picturesque scenery. It is home to the Chinese Haw, the Hmong and Yao minorities. The Haws are the remnants of the 93rd Chinese Division who moved in to settle on Doi Pha Tang. There are a lots of bungalows & tents serve tourists.

Wednesday, January 7, 2009

พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง, เชียงราย

เชียงราย อารยนครอายุกว่า 700 ปี มีมนต์เสน่ห์ล้ำลึกของวัฒนธรรมล้านนา กลมกลืนกันอยู่ในโอบล้อมของผืนป่า ที่เริ่มคืนความเขียวชะอุ่มภายหลังเกิดโครงการพัฒนาดอยตุงฯ กว่า 30 ปีที่ผ่านมาด้วยพระบารมีของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ชาวเขาและชาวพื้นราบในบริเวณรายรอบดอยตุง ยอดสูงสุดของดอยนางนอน พรมแดนไทย-พม่า ได้เปลี่ยนวิถีจากการปลูกและเสพฝิ่น ถางป่าตัดไม้ และทำไร่เลื่อนลอย หันมาทำเกษตร ปลูกพืชผักเมืองหนาว ทำไร่กาแฟและแมคคาเดเมีย สร้างผลงานเย็บปักถักทอที่เชื่อมต่อวัตถุดิบพื้นถิ่น และหัตถศิลป์พื้นเมืองสู่การใช้งานในชีวิตประจำวันแบบสากล ในขณะที่กลุ่มชน 30 ชาติพันธุ์ ยังคงอาศัยอยู่อย่างสงบ ตามไหล่เขาและบนดอยสูง แนบแน่นอยู่กับประเพณีดั้งเดิมของตน โดยไม่ถูกวัฒนธรรมเมืองกลืนกินวันนี้...ดอยตุงพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนสู่วิถีชุมชนสัมมาชีพโอบล้อมของสวน ป่าและอุทยานที่แวดล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับอันงดงามเกินบรรยาย

Tuesday, January 6, 2009

PHICHIT

Situated in the Lower North some 345 kilometres from Bangkok, Pichit is accessible by both road and rail. Nurtured by two rivers, the Yom and the Nan running parallel to one another north to south, the land is agriculturally fertile. Once the site of an ancient town dating back almost a thousand years ago, Phichit has played in a major role in the history of both Sukhothai and Ayutthaya.

Known as the land of the crocodiles, it has been home to this ferocious reptile which has thrived in its waters. There are today several fresh-water crocodile farms. Phichit features in the Thai epic Krai Thong composed by King Rama II which tells of Chalawa


Phichit is administratively divided into the following districts: Muang, Pho Prathap Chang, Taphan hin, Bang Mun Nak, Pho Thale, Sam Ngam, Wang Sai Phun, Thap Khlo, Sak Lek, Dong Charoen, Bueng Na Rang and Wachirabarami.
How to get there
By CaR

1. From Bangkok, take Highway No. 1 and Highway No. 32 to Nakhon Sawan, and then proceed to Phichit via Highway No. 1118 (passing Chum Saeng, Bang Mun Nak and Taphan Hin), a total distance of 345 kilometres.

2. From Bangkok, take Highway No. 1 and Highway No. 32 to In Buri, and then use Highway No. 11 to Phichit via Tak Fa, Nong Bua, Khao Sai and Sak Lek, a total distance of 344 kilometres.

3. From Bangkok, take the same route as (2). When arriving Khao Sai, turn into Highway No. 113 to Phichit via Thap Khro and Taphan Hin.

By Bus

Both air-conditioned and non air-conditioned buses depart from Bangkok's Mo Chit 2 Bus Terminal to Phichit every day. Call 0 2936 2852-66 or visit www.transport.co.th for more information.
By Rail
Regular Trains departs from Bangkok's Hua Lamphong Railway Station to Phichit many times daily. Call 1690 or visit www.railway.co.th for more information.

Monday, January 5, 2009

Bor Sang Umbrella and Sankampaeng Handicraft Festival

Date : 16 to 18 January 2009Venue : Bor Sang village, Chiang Mai

Bor Sang, on highway 1006 heading east from Chiang Mai, appears to be a typical sleepy rural village, the kind the tour bus speeds by giving you just a fleeting glimpse of its two-storey wooden houses. But hidden in the tiny lanes, villagers have perfected a craft that creates the country’s most famous umbrellas.


For more than 100 years, the village has been associated with the production of umbrellas made from Saa paper derived from mulberry tree bark. According to local history, a monk travelled to neighbouring Myanmar, where he came across Saa paper umbrellas that offered protection against both the sun and rain.

He returned with the production technique and introduced the umbrella to the elders of Bor Sang village, who added their own artistic skills to create a distinctive colourful, but very practical, umbrella. At first it was just a profitable hobby that supplemented the villagers’ earnings from the annual rice crop. However, with time production of the Saa paper umbrellas prospered, prompting villagers to establish a handicraft cooperative in 1941 that now organises the annual festival.
Using silk and cotton, weaved at neighbouring Sankampaeng, villagers eventually added a second line of umbrellas decorated with images of the north, its flowers and birds, all intricately hand-painted. Today, Bor Sang village exports both Saa-paper and silk umbrellas. They are seen at trade shows in a variety of sizes, from giant parasols that offer a shady canopy from the sun, to miniscule variations that adorn popular cocktail drinks.


To celebrate success the village hosts a three-day festival every January. Streets are illuminated by lanterns, while hundreds of umbrellas are hung from the rafters and beams of houses and shops. Bands play, while villagers compete to design the year’s most attractive umbrella. Concerts, a food festival and beauty contest all compete for the attention of the audience, a mix of both tourists and residents, who gather here to celebrate Bor Sang’s innovative handicraft skills.
Throughout the year, tourists visit the village, a short 6 km drive from Chiang Mai, to buy umbrellas and study the process and skills that go into making a handicraft entirely from natural products. But nothing quite compares with the buzz that permeates the village during this colourful three-day handicraft festival, every January. It is a scene that represents village hospitality and charm at its very best.
For more information
TAT Chiang Mai Office, Tel. 66 (0) 5324 8604, 5324 8607, 5324 1466

Saturday, January 3, 2009

THAI FOODS

Thai food is known for its enthusiastic use of fresh (rather than dried) herbs and spices as well as fish sauce.


Thai food is popular in many Western countries especially in Australia, New Zealand, some countries in Europe such as the United Kingdom, as well as the United States, and Canada.

Instead of a single main course with side dishes found in Western cuisine, a Thai full meal typically consists of either a single dish or rice khao with many complementary dishes served concurrently.

Rice is a staple component of Thai cuisine, as it is of most Asian cuisines. The highly prized, sweet-smelling jasmine rice is indigenous to Thailand. This naturally aromatic long-grained rice grows in abundance in the verdant patchwork of paddy fields that blanket Thailand's central plains. Its aroma bears no resemblance to the sweet smell of jasmine blossoms, but like jasmine flowers, this rice is precious and fragrant, a small everyday delight. Steamed rice is accompanied by highly aromatic curries, stir-frys and other dishes, incorporating sometimes large quantities of chillies, lime juice and lemon grass. Curries, stir-frys and others may be poured onto the rice creating a single dish called khao rad gang , a popular meal when time is limited. Sticky rice khao neow is a unique variety of rice that contains an unusual balance of the starches present in all rice, causing it to cook up to a pleasing sticky texture. It is the daily bread of Laos and substitutes ordinary rice in rural Northern and Northeastern Thai cuisine, where Lao cultural influence is strong.

Noodles, known throughout parts of Southeast Asia by the Chinese name kwaytiow, are popular as well but usually come as a single dish, like the stir-fried Pad Thai or noodle soups. Many Chinese cuisine are adapted to suit Thai taste, such as khuaytiow rue, a sour and spicy rice noodle soup.

There is uniquely Thai dish called nam prik which refers to a chile sauce or paste. Each region has its own special versions. It is prepared by crushing together chillies with various ingredients such as garlic and shrimp paste using a mortar and pestle. It is then often served with vegetables such as cucumbers, cabbage and yard-long beans, either raw or blanched. The vegetables are dipped into the sauce and eaten with rice. Nam prik may also be simply eaten alone with rice or, in a bit of Thai and Western fusion, spread on toast.

Thai food is generally eaten with a fork and a spoon. Chopsticks are used rarely, primarily for the consumption of noodle soups. The fork, held in the left hand, is used to shovel food into the spoon. However, it is common practice for Thais and hill tribe peoples in the North and Northeast to eat sticky rice with their right hands by making it into balls that are dipped into side dishes and eaten. Thai-Muslims also frequently eat meals with only their right hands.

Often thai food is served with a variety of spicy condiments to embolden the dish. This can range from dried chili pieces, sliced chili peppers in rice vinegar, to a spicy chili sauce such as the nam prik mentioned above.

เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ - Scrubb สครับบ์