Thursday, April 30, 2009
การเดินทางไปหลีเป๊ะ
Saturday, April 18, 2009
การไหว้พระธาตุประจำวันเกิด
1. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม
พระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ และมีพระธาตุบริวารอยู่รายรอบรวม 7 องค์ การไหว้พระธาตุถือเป็นหนึ่งในร้อยแปดมงคลชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือนการได้ไหว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ โดยเฉพาะองค์พระธาตุพนม ที่ได้บรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างราว พ.ศ. 1200-1400
2. วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร
เป็นพระธาตุคู่เมืองของชาวเรณูนคร องค์พระธาตุมีลักษณะสวยงาม จำลองมาจากพระธาตุพนม (องค์เดิม) แต่มีขนาดเล็กกว่า สูง 35 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 8.37 เมตร ภายในบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ของมีค่าต่างๆ และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ เชื่อกันว่าผ้ะที่ได้นมัสการจะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์ พร้อมชมสินค้า OTOP ผ้าพื้นเมือง และอุ (เหล้าหมัก)
3. พระธาตุศรีคุณ อ.นาแก
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 64 กิโลกเมตร ถูกค้นพบเมื่อประมาณปีพ.ศ.2340 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปีพ.ศ.2486-2490 มีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันที่ชั้น 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้น และชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุดพระอรหันตสารีริกธาตุของพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสังกัจจายนะ และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคาร เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ ให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ
4. พระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก
พระธาตุมหาชัย สร้างเมื่อปีพ.ศ.2495 มีลักษณะองค์พระธาตุเป็นรูปแปดเหลี่ยมสูง 40 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตสารีริกธาตุของพระอัญญาโกณฑัญญะ พระสารีบุตร และพระอนุรุทร บริเวณใกล้เคียงยังมีพระพุทธรูปสลักจากไม้ต้นสะเดาหวานใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และภาพเขียนฝาผนังอุโบสถแสดงพุทธประวัติ มีลวดลายศิลปะที่งดงามหาดูได้ยากยิ่งในภาคอีสานและเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการ จะได้รับอานิสงส์ประสบแต่ชัยชนะในชีวิต
5. วัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า
เดิมเป็นเจดีย์โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเมื่อใด จนกระทั่งเมื่อปีพ.ศ.2436 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ โดยจำลองรูปทรงมาจากพระธาตุพนม ลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยม วัดโดยรอบฐานด้ 20.80 เมตร สูง 28.52 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตสารีริกธาตุรวม 7 องค์ พระพุทธรูปเก่าแก่ ดินจากสังเวชนียสถานในประเทศอินเดีย 4 แห่ง และพระพุทธบาทจำลองที่อัญเชิญมาจากกรุงเทพฯ เมื่อปีพ.ศ.2500 และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนวันพฤหัสบดี เชื่อว่าผู้ได้นมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้สัมฤทธิผลในการปฏิบัติงาน
6. วัดพระธาตุอุเทน อ.ท่าอุเทน
เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยม จำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็ก มีความสูงจากพื้นดินถึงยอด 33 วา ฐานกว้างด้านละ 6 วา 3 ศอก ภายในบรรจุพระพุทธสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองเมียนมาร์ ประเทศพม่า และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันศุกร์ เชื่อกันว่า ผู้ที่มานมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ
7. วัดมหาธาตุ อ.เมือง
พระธาตุนคร มีลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 5.85 เมตร สูง 24 เมตร ก่อสร้างเสร็จในวันเดือนเพ็ญของปีพ.ศ.2465 มีรูปแบบตามพระธาตุพนมองค์เดิม ภายในบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ จากประชาชนผู้มีจิตศรัทธาถวายบรรจุเอาไว้ในองค์พระธาตุ และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์ เชื่อกันว่าผู้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์เสริมบุญบารมีและมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน
http://www.9wat.net/birthday.htm
Friday, April 17, 2009
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ประวัติ/ความเป็นมา
สถานที่ตั้ง
ปากคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
Thursday, April 16, 2009
วัดบวรนิเวศวิหาร
เครื่องสักการะ ธูป 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 3 ดอก
ประวัติ/ความเป็นมา
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชชวรวิหาร สมเด็จพระบวรราชเจ้ากรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นใหม่ระหว่าง พ .ศ. 2367 - 2375 เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดใหม่ ได้รับพระราชทานชื่อใหม่ เมื่อรัชกาลที่ 3 ทรงอาราธนาสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎเสด็จมาประทับเมื่อปี พ .ศ. 2375 นอกจากนี้ ยังเป็นวัดที่รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลปัจจุบันทรงผนวช เป็นวัดของคณะ สงฆ์ฝ่ายคามวาสีของธรรมยุติกนิกาย สิ่งสำคัญภายในวัดบวรนิเวศวิหาร ได้แก่ พระอุโบสถ เป็นอาคารแบบตรีมุข หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางมีตรามหามงกุฎ พระประธานในพระอุโบสถและพระพุทธชินสีห์ วิหารพระศาสดา พระเจดีย์ใหญ่ และพระตำหนักปั้นหยา สถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์และเจ้าฟ้าที่ทรงผนวช
การเดินทางไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร
สถานที่ตั้ง
ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ แขวงนิเวศ เขตพระนคร
การเดินทาง
โดยรถประจำทาง สาย 10 , 12 , 56 , 68
Wednesday, April 15, 2009
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)
การเดินทางไปยังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)
ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
การเดินทาง
โดยรถประจำทาง สาย 19, 57
เรือโดยสารข้ามฟากจากท่าเตียน ขึ้นที่วัดอรุณ
http://www.9wat.net/wat-palace-7.htm
Tuesday, April 14, 2009
วัดสุทัศเทพวรารามวรมหาวิหาร
เครื่องสักการะ ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม
ประวัติ/ความเป็นมา
วัดสุทัศเทพวรารามวรมหาวิหาร เป็นพระอามามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชื่อ “วัดมหาสุทธาวาส” วันนี้เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2350 เสร็จสมบูรณ์ พ.ศ. 2390 ในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสุทัศเทพวราราม”ที่พระวิหารมี “พระศรีศากยมุนี” เป็นพระประธานซึ่งอัญเชิญมาจากสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยสำริดถอดแบบมาจากพระวิหารพระมงคลบพิตร กรุงศรีอยุธยาบานประตูใหญ่ของพระวิหารสลักไม้สวยงามรอบพระวิหารมีถะ หรือเจดีย์ศิลาแบบจีนตั้งอยู่บนฐานทักษิณ เป็นถะ 6 ชั้น จำนวน 28 องค์ มีพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธตรีโลกเชฏฐ์ เป็นพระประธานปางมารวิชัย ใหญ่กว่าพระที่หล่อในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ องค์อื่นๆ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นฝีมือช่างชั้นครูในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่งดงามมาก พระอุโบสถนี้นับว่ายาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญที่มีพระพุทธเสรฏฐมุนี เป็นพระประธานที่หล่อด้วยกลักฝิ่นเมื่อ พ.ศ. 2382 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เช่นกัน
สถานที่ตั้ง
บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร
การเดินทาง
โดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 42รถปรับอากาส สาย ปอ. 10, 12, 42
Monday, April 13, 2009
วัดระฆังโฆสิตารามมรมหาวิหาร
เครื่องสักการะ ธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว
ประวัติ/ความเป็นมา
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารหรือเป็นที่รู้จักกันในนาม (วัดระฆัง) เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เดิมชื่อว่า “วัดบางว้าใหญ่” เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 1 มีลายหน้าบันเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงเรียกว่า “พระประธานยิ้มรับฟ้า” นอกจากนี้ยังมีหอไตรเป็นรูปเรือนสามหลังแฝด ภายในมีภาพจิตรกรรมที่สำคัญหลายแห่งทั้งบานประตู และฝาผนังรวมทั้งตู้พระไตรปิฏกสมัยกรุงศรีอยุธยาวัดระฆังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นพระเถระผู้ทรงเกียรติคุณ วิทยาคุณโด่งดังมากแต่อดีตจวบจนปัจจุบันการไปสักการะสมเด็จพุฒาจารย์ เพื่อขอพรโดยการสวดคาถาชินบัญชรเมื่อสวดจบแล้ว ปักธูปที่กระถางและปิดทองที่รูปปั้น แล้วอย่าลืมพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล
สถานที่ตั้ง
ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
โดยรถประจำทาง สาย 19, 57
ทางเรือ โดยเรือด่วนเจ้าพระยาแล้วลงที่ท่ารถไฟ หรือท่าวังหลังหรือข้ามฝากที่ท่าช้างแล้วขึ้นที่ท่าเรือวัดระฆัง
Sunday, April 12, 2009
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว
คติ “เพื่อจิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย”
การเดินทางไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
บริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง
โดยรถประจำทาง สาย 1, 3 , 25, 32, 33, 59, 60, 70, 82, 91, 201, 203รถปรับอากาศ สาย ปอ. 2, 3, 6, 25, 32, 59, 60, 70, 82, 91, 201, 203, 512
Saturday, April 11, 2009
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ,วัดโพธิ์
เครื่องสักการะ ธูป 9 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 11 แผ่น
โดยรถประจำทาง สาย 12 , 44 , 82 , 91 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 12 , 32 , 44 , 91 , 51
Friday, April 10, 2009
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
“มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง”
เครื่องสักการะ
ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอกสำหรับพระประธานในโบสถ์ ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอกสำหรับรูปเคารพสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ประวัติ/ความเป็นมา
การเดินทางไปยังวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร
โดยรถประจำทาง สาย 33, 64, 65รถปรับอากาศ สาย ปอ. 3 , 32 , 33, 64, 65
Thursday, April 9, 2009
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
คติ “เดินทางปลอดภัยดี มีมิตรไมตรีที่ดี”
เครื่องสักการะ ธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่ ดอกไม้พวงมาลัย
ประวัติ/ความเป็นมา
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศที่ดิน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเดิมเรียกว่า “หมู่บ้านกุฎีจีน” วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2368 ในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้ถวายเป็นพระอารามหลวง ได้รับพระราชทานนามว่า “วัดกัลยาณมิตร” พร้อมกับทรงสร้างพระวิหารหลวงเพื่อเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธไตรรัตนนายก” (หลวงพ่อโต) ซึ่งเป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 4 หรือเรียกตามแบบจีนว่า (ชำปอฮุดกง หรือ ชำปอกง)วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่มีองค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ โดยประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ นอกจากนี้ยังมีหอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ เป็นที่เก็บพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2408
สถานที่ตั้ง
แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
การเดินทาง
โดยรถประจำทาง สาย 40, 57 , 149รถปรับอากาศ สาย ปอ. 177
ทางเรือ ข้ามเรือข้ามฟากที่ท่าเรือปากคลองตลาดมาท่าเรือวัดกัลยาฯ
Wednesday, April 8, 2009
9 สิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์
นิทรรศการ 9 สิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์ เปิดให้เข้าชมงานฟรีตลอดเดือนตุลาคม 2551 เวลา 18.00-21.00 น. ของทุกวัน และจะเก็บค่าเข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 เป็นต้นไป จนถึงเดือนเมษายน 2552 บัตรราคา 200 บาท (ซึ่งราคาบัตรนี้ยังไม่รวมราคานวด) สามารถซื้อบัตรได้ที่จุดจำหน่ายบัตรบริเวณวิหารพระพุทธไสยาส
Saturday, April 4, 2009
ไหว้พระ 9 วัด
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
วัดสุทัศนเทพวรารามฯ
วัดอรุณราชวรารามฯ
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
http://www.9wat.net/wat-palace.htm
Friday, April 3, 2009
Get To Know Songkran Custom
2. The purpose of bathing or splashing water in the Songkran Festival is to give and request for blessings through water, not for the rigorous water war.
3. Applying soft chalk powder called "Din Saw Phong" on ones face or body is traditionally an individuals choice of dressing and, thus, a personal business. You should not offer unsolicited help with it. To touch others without their permission is considered an ill manner by civilised Thais.
4. The proper bathing is divided into two categories: - The bathing rite for the elders (aged over 60 years old, according to the old custom) as a tribute of respect and for blessings. As a youngster, you can pour scented water onto the hands of the elders without pronouncing any blessings. The elders in return will bestow their best wishes upon you. The bathing rite for the peers or juniors. You should ask for permission before gently pouring the scented water over the persons shoulder and down his/her back and uttering words of blessing for the New Year. However, if you are close friends, you can enjoy splashing water on each other as you wish yet with appropriate manners and moral and safety cautions.
5. The water used for bathing and splashing is regarded as sacred. Thus, it must be clean water, "Nam Ob" (water saturated with perfumes, either of Thai or Western origin) or scented water with floral pedals, and NOT dirty water or ice.
6. Traditionally, upon the bathing ritual, the elders are presented with toilet items, namely clothes, Pha-hom, Pha-nung (loin cloth), handkerchiefs, towels, soap, perfumes and powder. However, not every aforementioned article is required. You can prepare the toilet gift set as you see fit and may or may not add other presents such as flowers and sweet.
7. Making obeisance is the highest form of respect by prostrating oneself with palms pressed together and then bowing until the pressed palms, arms and forehead touch the floor in front of the person or the image one pays respect to. The palms must be kept pressed together and separated when making obeisance to the Buddha image or monks only.
8. To bathe the Buddha image or any idol, it is more appropriate to pour the scented water on other parts of the Buddha image than on its head.
9. Rod Nam Dum Hua or paying respect through the pouring of Songkran water is the northern Old Lanna custom. The ceremony is different from those in other parts of Thailand in some details. The term Dum Hua is dialectal and may present a wrong meaning if employed for the Songkran ceremonies elsewhere in the country.
10. Songkran is the custom of all Thai people regardless of religions. Those who are not Buddhists can make merits on this occasion based on their religions and beliefs and also enjoy other activities of the Festival.
11. The Songkran festival is held only once a year. We would like to invite all Thai people to come out and celebrate the festival in Thai traditional costume to preserve our glorious culture. Besides, our costume is cool!
Thursday, April 2, 2009
ประวัติวันสงกรานต์
ในสมัยโบราณได้ถือวันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่นั้น เนื่องจากประเทศที่อยู่ในแถบร้อนถือว่า ช่วงเวลาเริ่มต้นฤดูร้อนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ด้วยว่างเว้นจาก การทำการเกษตร อีกทั้งอากาศที่หนาวเย็นก็ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยในช่วงฤดูหนาวนั้นเป็นช่วงที่ทุก ๆ อย่างนั้น หยุดนิ่งไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ก็หยุดผลิดอกออกผล สัตว์ทั้งหลาย ก็หยุดนิ่งนอนจำศีล ด้วยอากาศที่หนาวเย็นนั้นไม่สะดวกในการใช้ชีวิต หรือการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั่นเอง
วันสงกรานต์จึงเป็นประเพณีการขึ้นปีใหม่ในประเทศแถบร้อน ซึ่งแตกต่างจากประเทศแถบหนาว ดังที่กล่าวไว้ในเรื่องของวันปีใหม่ วันสงกรานต์มีทั้งหมด ๓ วันด้วยกัน ได้แก่
วันที่ ๑๓ เมษายน วันมหาสงกรานต์ หรือวันส่งท้ายปีเก่า หมายถึง ก้าวหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ คือ สงกรานต์ปี การที่พระอาทิตย์โคจรเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันทำความสะอาดใหญ่ ชำระล้างร่างกาย และจิตใจให้ใสสะอาด เริ่มมีการเล่นสาดน้ำเป็นวันแรก
วันที่ ๑๔ วันกลาง หรือวันเนา หมายถึง อยู่คือวันที่ถัดมาจากวันมหาสงกรานต์ ๑ วัน การที่พระอาทิตย์เข้ามาอยู่ในราศีเมษเรียบร้อยแล้ว เป็นวันที่มักมีการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านมากมายเช่น ขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีทราย ขบวนแห่ประเพณีสงกรานต์ การแสดงทางวัฒนธรรมและมหรสพอื่นๆ … การเล่นสาดน้ำตามประเพณีไทยมักเล่นกันวันนี้มากเป็นพิเศษ
วันที่ ๑๕ เมษายน เป็นวันเถลิงศก หมายถึง วันขึ้นศกใหม่ เป็นวันทำบุญตักบาตรต้อนรับปีใหม่ ปล่อยนกปล่อยปลา อุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว มีการรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้ที่เคารพนับถือ เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษและขอพรปีใหม่เพื่อเป็นศิริมง คลต่อชีวิต ตลอดจนจัดให้มีการสรงน้ำพระสงฆ์ พระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองอีกด้วย
กิจกรรมวันสงกรานต์
ทำบุญตักบาตร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ชีวิต
ปล่อยนกปล่อยปลา คนไทยมีความเชื่อว่าการปล่อยนกปล่อยปลา ถือว่าเป็นการอโหสิกรรมและชำระบาปในส่วนที่ตนเป็นผู้ก่อ อีกทั้งทำให้เคราะห์ร้ายที่จะเกิดขึ้นหมดไป ให้ทานแก่ผู้ที่ขัดสน เช่น คนชรา เด็กพิการ เด็กกำพร้า เป็นต้น
สรงน้ำพระพุทธรูป และสรงน้ำพระภิกษุสามเณร
การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ได้แก่ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่มีพระคุณ การรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ด้วยต้องการขอขมาสิ่งที่อาจจะล่วงเกินผู้ใหญ่ ในบางครั้ง รวมถึงเป็นการขอพรเพื่อ เป็นสิริมงคล และข้อคิดเตือนใจแก่ตนเอง
การละเล่นสาดน้ำ ประเพณีนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันสงกรานต์เลยทีเดียว ด้วยงานฉลองวันสงกรานต์นั้นเป็นช่วง ฤดูร้อน ประเพณีเริ่มจากการที่มีการสรงน้ำพระ และรดน้ำญาติผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำนั้นนิยมกันในหมู่ของหนุ่มสาว น้ำที่ใช้สาดกันนั้นจะใส่น้ำอบ น้ำหอม
Wednesday, April 1, 2009
Songkran Festival in Bangkok
Moreover, in the Songkran Festival, TAT would like to invite you to dress Thai attire, visit and participate in the event of "the 9 Sacred Places ". the 9 royal temples in the Rattanakosin Square. To experience the wonderful treasure and enjoy the Songkran Festival in authentic Thai style
Wat PhoMotto : Calmness is HappinessExperince the demonstration of Songkran Festival in 4 regions, enjoy folk plays Thai food and local dessert. Pour some Thai scented water on a Buddha image.
Wat BowonniwetMotto : Receive the Good Things in LifeFeaturing Songkran Festival in Central Region, pour some Thai scented water on Buddha image and monks, splash cooling water with elephants and experience ancient Thai bazaar.
Wat SaketMotto : Create Auspicious VisionPour some Thai scented water on Buddha relics, Buddha image and monks. Create a sand pagoda and splash!
Wat SuthatMotto : Enlarge Your Visions and Charm the PeopleExperience Songkran Festival in Southern style, and its rituals, pour some Thai scented water on a Buddha image and monks as well as enjoy cultural performances.
Wat ChanasongkramMotto : Conquer All ObstaclesFeaturing Songkran Festival in the Raman style, feast your eyes on the demonstation of Raman culture and hoe to play Songkran in its way. Pour some Thai scented water on a Buddha image, and monks as well.
Wat KanlayanamitMotto : Bon Voyage and Have Good CompanyLet's enjoy Songkran along the river, pour some Thai scented water on Buddha image and monks, and experience cultural performances.
Wat Arun (Temple of Dawn)Motto : Have a Prosperous LifeFeaturing Songkran at Bangkok, pour some Thai scented water on Buddha image and monks, and enjoy various forms of entertainment.
Wat RakhangMotto : To Be Admired and LovedOffering alms to monks, pour some Thai scented water on a Buddha image and monks and experience cultural performances.
Songkran at Sanam Luang, Suan Santi Chai Prakhan (Phra Sumeru Fortress) Bang Lumphu Square and Khaosan Road.Date : 11 - 15 April 2009
Featuring the Light and Sound Presentation at Sanum Luang, the Beauty Pageant, Miss Songkran Wisut Krasat and Miss Songkran International on Khaosan Road.
11 April, 200908.30 hrs. - Featuring the Buddha image procession from Wisut Krasat Junction to Suan Santi Chai Prakhan. (Phra Sumeru Fortress)
12 April, 200907.00 hrs. - Experience the procession of Phra Phuttha Sihing from National Museum to Sanam Luang.10.00 hrs. - Featuring the Buddha image Procession from Wat Bawonniwet to Suan Santi Chai Prakhan (Phra Sueru Fortress) and pour some Thai scented water on a Buddha image.
13 April, 200907.00 hrs. - Experience the wonderful procession of Buddha image and beautiful float in Bang Lamphu Square.
For more information :Bangkokn Tourist Division,
Tel. 0 2225 7612-4TAT CAll Center 1672
www.songkran.net